วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตะลุยงานหนังสือภาษาอังกฤษ Big Bad Wolf 2016 แบบชาว Geek(TV/Movie)!!!

ได้มีโอกาสไปตะลุยงาน Big Bad Wolf Book Sale 2016 มาค่ะ ซึ่งเป้าหมายหลักคราวนี้คืออยากมาตามหาดูหนังสือที่เกี่ยวกับพวกซุปเปอร์ฮีโร่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งดีซีหรือว่ามาร์เวล แต่ก็มีลิสหนังสือที่อยากซื้ออยู่ในใจจากการเห็นรูปโปรโมตในเฟสบุ๊กแฟนเพจคือ The Hunger Games กับ The Lord of the Rings ในราคาที่ถูกมากจนตัวเองพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ค่ะ (เพราะว่าตัวเองยังไม่มีหนังสือทั้งสองเรื่องนี้ค่ะ)

งาน Big Bad Wolf Book Sale 2016 คืองานลดราคาหนังสือภาษาอังกฤษจากต่างประเทศค่ะ โดยตัวเองได้ไปมาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559 เป็นรอบบัตร Preview Press (งานจริงมีวันที่ 12-21 สิงหาคม) งานนี้จัดขึ้นที่อิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 9 เมืองทองธานี (Impact Forum Hall 9) ซึ่งเดิมตัวเองก็ตั้งใจจะมาช่วงที่งานนี้จัดอยู่แล้ว แต่ดันได้บัตรรอบ Preview Press มาจากการเล่นเกมตอบคำถามสุ่มจับรางวัลกับทางแฟนเพจที่ต้องเล่นถึงสองรอบจึงได้มาบัตรมา ฮ่าๆ ก็เลยคิดว่า ไหนๆก็ได้บัตรจนได้ล่ะ งั้นก็ต้องเคลียร์วันนี้ให้ว่างเลย เพราะวันอื่นๆก็ไม่รู้ตัวเองจะว่างมาได้รึเปล่า (เป็นฟรีแลนซ์ก็แบบนี้แหละนะ)
แต่สรุปว่าพอมาถึงหน้างานเพื่อรับบัตร ได้สอบถามกับน้องสต๊าฟแล้วก็พบว่า ถ้าใครเกิดเดินหลงๆ งงๆ มาที่ในงานวันนี้แบบยังไม่มีบัตร ก็สามารถลงทะเบียนเพื่อรับบัตรเข้าที่หน้างานได้เลยเหมือนกัน (ม่ายยยยย แล้วคุณหลอกดาวให้เล่นเกมทำไม ฮือๆ) 





วิธีการมาโดยรถยนต์
ส่วนวิธีการมาที่งานนี้ ตัวเองขับรถไปค่ะ เพราะถนัดใช้เส้นทางนี้มากกว่า โดยใช้ทางด่วนพิเศษสายศรีรัชแล้วลงจากทางด่วนป้ายที่เขียนว่าเมืองทองธานีเลยค่ะ พอลงจากทางด่วนก็ต้องพยายามรีบเบี่ยงเข้าเลนขวาตรงสามแยก เพื่อที่เราจะได้เลี้ยวขวาเข้าเมืองทองธานีทางด้านนี้ค่ะ ซึ่งจากตรงนี้จะมองเห็นอาคารที่มีป้ายว่า Forum ตัวใหญ่เลย ก็รู้สึกใจชื้นมาได้บ้างล่ะว่าถ้าเกิดขับหลงในนี้ยังไงก็ต้องหาทางกลับมาที่ตึกนี้ให้ได้นะ (ฮา) แล้วตรงไปเรื่อยๆจนเจอสามแยกอีก แล้วก็กลับรถย้อนกลับมาทางโรงแรมโนโวเทลตามแผนที่ที่ตัวเองดูมาค่ะ พอย้อนกลับมาแล้วขับตรงไปจนผ่านตรงที่เป็นเหมือนสะพานทางเชื่อมระหว่างตึก ถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปที่จอดรถใต้อาคารเลยค่ะ ซึ่งเข้าได้ทั้งสองตึกซ้าย-ขวา แต่ให้เลี้ยวเข้าตึกทางขวาเพื่อมาที่จอดใกล้โรงแรมโนโวเทล Novotel (P1) ค่ะ

ถึงแม้จะเคยมาดูคอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีน่าอยู่หลายครั้ง แต่ก็จำเส้นทางในนี้ไม่ค่อยได้เลย ฮ่าๆๆ คือถ้ามุ่งตรงมาที่อิมแพ็คอารีน่าเลยนี่โอเคค่ะ เข้า-ออกถูก แต่กับอาคารอื่นๆนี่บอกได้เลยว่าแทบไม่รู้จัก ก็เลยได้นั่งวางแผนการเดินทางและเปิดแผนที่ศึกษาเส้นทางของเมืองทองธานีในคืนก่อนวันที่มาเพื่อความชัวร์ค่ะ สรุปว่าที่จอดรถที่ใกล้และสะดวกสุดคือลานจอดด้านโรงแรม ซึ่งเป็นอาคารที่จัดงานเลยค่ะ แต่ด้วยความเปิ่น ก็ดันเลือกจอดใกล้ๆทางรับบัตรที่เข้ามา เพราะคิดว่าคงใกล้ที่จัดงาน ปรากฏว่าต้องเดินเข้าไปตามทางอีกตั้งหลายร้อยเมตรกว่าจะถึงที่จัดงานจริงๆ ฮา (แต่ว่ามีป้ายบอกอยู่ตลอดตามทางเดินนะคะ)

ถ้าเข้ามาจากทางด้านหน้าตึก แล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอกับป้ายบอกทางค่ะ
(ที่ดูมืดเพราะการถ่ายรูปของตัวเองค่ะ อยากถ่ายแบบเน้นจอทีวีเด่น แต่ความจริงไฟอาคารส่องสว่างนะคะ >w<)

หลังจากรับบัตรมา เข้าห้องน้ำเรียบร้อย ก็พร้อมลุยกันแล้วค่ะ!


พอเดินผ่านประตูหน้างาน ลากตะกร้าแบบมีล้อเข้ามาปุ๊ป ก็เจอเข้ากับกองหนังสือ The Hunger Games สูงเป็นภูเขาเลากาตั้งแต่แรกเลยค่ะ เป็นชุดแบบเซ็ท 3 เล่มที่ขายในราคาเพียง 350 บาทเท่านั้น ถึงกับรีบคว้าหมับเลยทีเดียว (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะอะไรนั้น ต้องอ่านต่อไปนะคะ ฮ่าๆ) และได้ถ่ายคลิปบรรยากาศตอนนั้นขึ้นไปบนเฟสบุ๊กส่วนตัวของตัวเองด้วยค่ะ เพราะฮอลล์มันใหญ่มากกกกกก และหนังสือก็เยอะมากกกกกก เห็นแล้วตกใจและตื่นเต้นสุดๆ *o*


ขุ่นพระ! สูงได้อีก *เสียงสูง*



350 บาทเท่านั้นจริงๆค่ะ ราคาพอๆกับซื้อแยกเล่มในร้านหนังสือปกติ (สำนักพิมพ์เดียวกันด้วยค่ะ)


 ส่วนหนังสือนั้นมีหลายหมวดหมู่มากค่ะ (สามารถเข้าไปชมหมวดได้ในเวบไซต์ Big Bad Wolf 2016
แต่จากที่ตัวเองสังเกต มักจะเป็นหนังสือทั่วๆไปที่ไม่ได้โด่งดังมาก หรือเป็นหนังสืออกใหม่อย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มล่าสุด The Cursed Child ที่ออกมานี่ไม่มีในงานนะคะ ซึ่งพวกหนังสือแนวธุรกิจ พัฒนาตัวเอง หรือนิยาย วรรณกรรมเยาวชนจะราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 140-150 บาท บางเล่มที่ออกมานานหลายปีแล้วอาจราคา 110 บาท ส่วนหมวดอื่นๆก็อาจราคาสูงกว่านี้ เช่นพวกหนังสืออ้างอิง หรือพวกหนังสือด้านการออกแบบ ด้านสถาปัตย์ แต่ก็ถือว่าถูกมากๆถ้าเทียบกับที่ขายในร้านปกติในไทยค่ะ 


Maze Runner เซ็ท 4 เล่มนี้ ราคาก็ไม่แพงเลยค่ะ ไม่ถึง 500 บาท (ลืมราคาไปแล้ว แหะๆ)


เอาใจชาวสยองขวัญ สตีเฟ่น คิง(Stephen King)ก็มาค่ะ 

หรือซีรี่ย์ซอมบี้สุดดังอย่างเดอะวอล์คกิ้ง เดด(The Walking Dead)



ในงานแบ่งโซนชัดเจนดี มีป้ายบอก ตรงหมวดหนังสือเด็กค่อนข้างมีหนังสือเยอะมาก ครอบคลุมพื้นที่ฝั่งขวาทั้งหมด(ยืนหันหน้าเข้างาน) แต่ก็มีหนังสือบางเล่มที่ดูอยู่ผิดหมวดบ้าง ผิดกลุ่มบ้าง หาไม่เจอบ้างแบบ The lord of the Rings ที่ตั้งใจมาซื้อเก็บเหมือนกัน แต่พอไปดูที่หมวดนิยายแฟนตาซีตามที่เวบไซต์บอกแล้วปรากฏว่าไม่มี น้องพนักงานก็เดินช่วยหากันอยู่ 3-4คน เกือบครึ่งชั่วโมง สรุปว่าไปอยู่ล็อค 48 จ้าาา หมวดหนังสือที่แนะนำไปแล้ว -.-" ยังไงก็ต้องขอขอบคุณน้องๆทุกคนมาก ณ ที่นี้ด้วยจริงๆค่ะ  คือรอจนรู้สึกเกรงใจเลยเพราะพื้นที่ในงานกว้างมาก แล้วน้องๆก็เดินกันหลายรอบมาก แต่น้องๆก็ยังช่วยพยายามเดินหากันอย่างเต็มที่เลยค่ะ👍


จำขึ้นใจเลย ล็อคที่ 48 -.-" 

ซึ่ง The Lord of the Ring ราคาเล่มละ 140 บาทค่ะ แต่สภาพปกก็ไม่ได้เนี๊ยบมากนะคะ ดูออกแนวเป็นมือ 1 ที่เคลียร์สต็อกสินค้าน่ะค่ะ แต่ถ้าไม่คิดมากว่าปกยับ หรือสีสถลอก ราคานี้ถือว่าโอเคเลยค่ะ เพราะตัวหนังสือจริงๆก็ยังสภาพดีอยู่ 

เดินดูหนังสือและเดินฟักไข่โปเกม่อนตั้งแต่บ่าย 3 ครึ่งกว่าจนเกือบ 6 โมงเย็น เพื่อนที่เป็นครูอนุบาลก็มาถึงงานพอดี เลยได้ไปสำรวจหมวดหนังสือเด็กแบบจริงจังอีกรอบ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพหนังสือเด็กมาเลยเพราะตอนนั้นอยากเดินเล่นชิวๆล่ะค่ะ (จริงๆคือเหนื่อยแล้ว ฮ่าๆ) โดยหมวดนี้ราคาจะเฉลี่ย 110 บาท และเป็นหมวดที่ตัวเองเจอหนังสือแนวซุปเปอร์ฮีโร่หรืออะไรที่แนวชาวGeekมากมาย ในที่สุดก็ได้บรรลุเป้าหมายในวันนี้ค่ะ 55555 

หนังสือสำหรับน้องๆหนูๆที่อยากเข้าสู่ดาร์คไซด์ (DarkSide)ไปกับพี่ดาร์ธ มอล (Darth Maul) 555555 <<ใช่เร๊อะ


สตาร์วอร์(Star Wars)กับดิอะเวนเจอร์(The Avengers)แบบภาษาอังกฤษอ่านง่ายสำหรับเด็กหรือคนที่เพิ่งหัดเรียนภาษาอังกฤษ


X-Men เล่มนี้รู้สึกจะเจอที่หมวดหนังสืออ้างอิงค่ะ ภาพข้างในสวยมากๆเลย เป็นปกแข็งด้วย แต่ราคาก็เอาเรื่อง คือไม่ถึงพันค่ะ แต่ถ้าซื้อเล่มนี้ ที่เต็มตะกร้าคงต้องหอบไปคืน 5555

อันนี้อาจไม่Geek แต่ขอรวมอยู่ด้วย เพราะเจอที่แผนกหนังสือเด็ก

อยากได้หมดเลย แต่คาดว่างบซื้อหนังสือจะเกิน แงงง T^T

พี่แบทมีความหลอน....

เจ้าเขี้ยวกุด! น่ารัก ~ >w<

หลังจากที่เพื่อนเดินดูจนทั่วและเลือกหนังสือเด็กพอใจแล้ว ก็ถึงเวลามาคำนวนกันว่ามันเกินงบมั้ย ปรากฏว่าเกินงบกันทั้งคู่เลย ฮ่าๆ ตัวเองก็ชั่งใจอยู่นานจนเพื่อนบอกว่า เดี๋ยวอนาคตThe Hunger Gamesต้องลดอีกแน่นอน ไว้ค่อยรอซื้อได้5555 แถมตัวเราเองก็คิดว่าดูหนังจบไปหมดทุกภาคแล้วคงไม่รีบอ่านอยู่ดี (ถึงหนังกับนิยายจะมีเรื่องที่ต่างกันบ้างก็ตาม) สรุปสุดท้ายคือตัดThe Hunger Gamesออก เพราะไปเจอกัปตันอเมริกากับไอรอนแมน ! >W< ยอมแลกเพราะมั่นใจว่าอ่านแน่นอน


สรุปวันนั้นก็ได้...

- หนังสือเสริมภาษาอังกฤษด้านการงานมา 2 เล่ม

- อาร์ทิมิส ฟาวล์ (Artemis Fowl) ฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่อเมริกา และตัดเล่ม 7-8 ที่เจอในงานไปเพราะยังไม่รีบอ่าน

- นิยายสำหรับเยาวชน แต่ผู้ใหญ่อย่างเราอยากอ่านอย่างไอรอนแมน (Ironman) กับกัปตันอเมริกา (Captain America) ฮ่าๆๆ โดยไอรอนแมนดัดแปลงมาจากหนัง 2 ภาคแรก ส่วนกัปตันอเมริกาดัดแปลงมาจากหนังภาคแรก ซึ่งในงานก็ยังมีธอร์ (Thor)และก็ฮัลค์(Hulk)ด้วย นอกจากนี้ยังมีความฮาเกิดขึ้นตอนไปยืนดูหนังสือตรงจุดนี้คือ การเจอผู้หญิงสองคนที่คาดว่าน่าจะชอบพวกอเวนเจอร์เหมือนกันเดินมา โดยคนหนึ่งชี้ชวนให้เพื่อนอีกคนดูว่า 'ดูนี่สิๆ' แต่พออีกคนเปิดดูเท่านั้นก็วางหนังสือลงทันทีพร้อมกับบอกว่า 'ไม่ใช่อย่างที่คิด' ด้วยท่าทางแบบสะบัดบ็อบแล้วเดินจากไป ปล่อยให้เรายืนถือนิยายของแคปสตั้นอยู่ตรงนั้น พลางคิดในใจ 'แล้วที่คิดคือแบบไหนอ่ะ อาร์ตบุ๊คจากหนังที่มีภาพกล้ามล้ำของกัปตันอเมริกาอะไรงี้เหรอ 555555'

- นิยายซาก้า Cirque du Freak: The Saga of Darren Shan เกี่ยวกับเด็กชายที่ดูไม่เอาไหน แต่โดนจับพลัดจับพลูจากแวมไพร์ให้ไปเป็นผู้ช่วย เลยต้องกลายเป็นแวมไพร์ และต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามครั้งใหญ่ (เรื่องนี้เราชอบมาก่อนหนังทไวไลท์จนทำให้กระแสแวมไพร์ดังอีกนะ ฮา) เลยซื้อเก็บเล่มภาษาอังกฤษแบบรวม 1 เล่มมี 3 ภาค แต่เจอในงานแค่ 2 เล่ม(6ภาค) ส่วนเล่มแยกก็มีแต่ก็ไม่ครบ และก็เป็นซีรี่ย์อื่น

จริงๆมีอีกหลายเล่มที่อยากได้ เช่นพวกอาร์ตบุ๊ค Marvel, Batman, X-men, Artemis Fowl แบบการ์ตูนกราฟฟิกโนเวล, How to train your dragon แต่ด้วยงบและความจำเป็นที่คิดว่าไม่ต้องซื้อก็ได้ ก็เลยได้มาเท่าที่เห็นค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น